วิธีการทำปุ๋ยหมัก
ขั้นตอนที่1
นำพืชผักผลไม้ และสัตว์ลงผสมกับน้ำตาลในภาชนะที่เตรียมไว้ในอัตราน้ำตาล 1 ส่วนต่อพืช ผัก ผลไม้ สัตว์ 3 ส่วนคลุกให้เข้ากัน หรือ ถ้ามีปริมาณมากจะโรยสลับกันเป็นชั้น ๆ ก็ดี
นำพืชผักผลไม้ และสัตว์ลงผสมกับน้ำตาลในภาชนะที่เตรียมไว้ในอัตราน้ำตาล 1 ส่วนต่อพืช ผัก ผลไม้ สัตว์ 3 ส่วนคลุกให้เข้ากัน หรือ ถ้ามีปริมาณมากจะโรยสลับกันเป็นชั้น ๆ ก็ดี
ขั้นตอนที่2
ใช้ครกขนาดใหญ่ตำหรือใช้ของหนักวางทับบนพืชที่หมักเพื่อ กดไล่อากาศที่อยู่ระหว่างพืช ผักที่ใช้หมักควรมีน้ำหนักประมาณ 1 ใน 3 ของน้ำหมักของน้ำหนักทั้งหมด วางทับได้ 1 คืนก็เอาออกได้
ใช้ครกขนาดใหญ่ตำหรือใช้ของหนักวางทับบนพืชที่หมักเพื่อ กดไล่อากาศที่อยู่ระหว่างพืช ผักที่ใช้หมักควรมีน้ำหนักประมาณ 1 ใน 3 ของน้ำหมักของน้ำหนักทั้งหมด วางทับได้ 1 คืนก็เอาออกได้
ขั้นตอนที่3
ปิดภาชนะที่หมักให้สนิท ถ้าเป้นถึงพลาสติคให้มัดปากถุงให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปได้เป็นการสร้าง สภาพเหมาะแก่การให้จุลินทรีย์หมักดองลงไปทำงานหมักทิ้งไว้ 3-6 วันจะเริ่มมีของเหลว มีน้ำตาลอ่อนถึงแก่ขึ้น และจะมีจุลินทรีย์มากขึ้น เรียกว่าน้ำสกัดชีวภาพ
ปิดภาชนะที่หมักให้สนิท ถ้าเป้นถึงพลาสติคให้มัดปากถุงให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปได้เป็นการสร้าง สภาพเหมาะแก่การให้จุลินทรีย์หมักดองลงไปทำงานหมักทิ้งไว้ 3-6 วันจะเริ่มมีของเหลว มีน้ำตาลอ่อนถึงแก่ขึ้น และจะมีจุลินทรีย์มากขึ้น เรียกว่าน้ำสกัดชีวภาพ
ขั้นตอนที่4
เมื่อน้ำสกัดชีวภาพมีประมาณมากพอประมาณ 10 - 14 วัน จึงบรรจุน้ำสกัดชีวภาพลงในถุงพลาสติค อย่าบรรจุเร็วเกินไปเพราะอาจทำให้กระบวนการไม่สมบูรณ์ และมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์เกิดขึ้น ควรค่อยๆ เปิดฝาวัสดุ ทุกวัน จุลินทรีย์จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของผักผลไม้ ที่ให้หมักซึ่งจะมีน้ำอยู่ 98-99 เปอร์เซ้น สีของน้ำสกัดชีวภาพก็ขึ้นอยู่กับชนิดของผักเช่นกันรวมไปถึงชนิดของน้ำตาลที่ ใช้หมัก ถ้าเป็นน้ำตาลฟอกขาวจะออกสีอ่อน ถ้าเป็นกากน้ำตาล หรือ ชนิดอื่น จะออกสีเข้ม
ขั้นตอนที่5
ควรเก็บถังหมักสกัดชีวภาพไว้ในร่มอย่าให้ถูกฝนและแสงแดดจัดๆ น้ำสกัดชีวภาพจะสามารถอยู่ได้หลายเดือนได้ กากที่เหลือจากของหมักสามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยได้
ควรเก็บถังหมักสกัดชีวภาพไว้ในร่มอย่าให้ถูกฝนและแสงแดดจัดๆ น้ำสกัดชีวภาพจะสามารถอยู่ได้หลายเดือนได้ กากที่เหลือจากของหมักสามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยได้
